หลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ขณะนี้ กำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดที่ทำให้อุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ เช่นที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา อุณหภูมิไต่ขึ้นไปถึง 48 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเปลี่ยนอยู่มากกว่า 43 องศาเซลเซียสมานานกว่า 20 วันติด
ทั้งนี้ ความร้อนจัดที่แผ่ขยายวงกว้างนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตหรือสุขภาพของชาวอเมริกันหลายล้านคนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจและสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกด้วย
แม้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริงจะยังไม่ได้รับการคำนวณอย่างชัดเจน แต่การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า ความร้อนสูงอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียผลผลิตถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.4 ล้านล้านบาท) ต่อปี จากการสูญเสียผลผลิตเพียงอย่างเดียว หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบ อาจลดกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกลง 1 ใน 6 ภายในปี 2100
คริส ลาฟาคิส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยทางเศรษฐกิจของ Moody’s Analytics กล่าวว่า “คลื่นความร้อนล่าสุดและอุณหภูมิที่แผดเผาแสดงให้เห็นถึงต้นทุนทางเศรษฐกิจของความเครียดจากความร้อน”
เขาเสริมว่า “คลื่นความร้อนสามารถทำให้เกิดการเสียชีวิตและก่อกวนความต่อเนื่องทางธุรกิจได้ คลื่นความร้อนยังสร้างแรงกดดันให้กับโครงข่ายพลังงานในภูมิภาค ทำให้ต้นทุนและการใช้งานระบบทำความเย็นสูงขึ้น”
ลาฟาคิสบอกอีกว่า อากาศร้อนยังส่งผลกระทบต่อแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานกลางแจ้ง ทำให้มีประสิทธิผลน้อยลง โดย Moody's Analytics ประมาณการว่า ความเสี่ยงทางกายภาพเรื้อรังจากความเครียดจากความร้อนสามารถลด GDP ทั่วโลกได้ถึง 17.6% ภายในปี 2100
เคธี บาห์แมน แมคลอยด์ ผู้อำนวยการของ Adrienne Arsht-Rockefeller Foundation Resilience Center ของสภาแอตแลนติก กล่าวว่า “ความร้อนสร้างผลกระทบต่อเรา ทำให้ความคิดของเราช้าลง สมาธิของเราสั้นลง การประสานงานระหว่างมือและตาของเราล้มเหลว เราเหนื่อย เราทำผิดพลาด”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เธอบอกว่า ความสูญเสียนั้นจะรุนแรงที่สุดในภาคเกษตรกรรมและการก่อสร้าง แต่อุตสาหกรรมหรือธุรกิจอื่นก็ใช่ว่าจะรอดพ้นไปได้ โดยแม้ว่าพนักงานจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะได้รับความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเสมอไป เธอยังเสริมว่า การนอนไม่หลับจากความร้อนอาจนำไปสู่ความเหนื่อยล้าและประสิทธิภาพการทำงานที่ย่ำแย่ในวันรุ่งขึ้น
“ความร้อนกำลังเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนการรับรู้ความเสี่ยงในตัวเองของเราตามไม่ทัน และนั่นก็หมายความว่าในฐานะนายจ้าง การรับรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของคนงานก็ไม่ได้ก้าวตามไปด้วย” เธอกล่าว
ศูนย์ Arsht-Rockefeller กำลังพยายามสร้างการรับรู้ถึงภัยเสี่ยงที่เงียบและมองไม่เห็น โดยการทดสอบตั้งชื่อคลื่นความร้อนและสร้างระบบเตือนภัยด้านสุขภาพ และในขณะที่รัฐต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย มีข้อกำหนดในการคุ้มครองพนักงานเกี่ยวกับอากาศร้อนโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่มีข้อบังคับระดับประเทศ
ความร้อนที่มากเกินไปเป็นปัญหาที่อุตสาหกรรมซึ่งต้องทำงานนอกอาคารหรือกลางแจ้งต้องจัดการ อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ของสภาพอากาศที่ผิดปกติเหล่านี้จะยิ่งฉุดรั้งธุรกิจและเศรษฐกิจมากขึ้น
โจชัว กราฟฟ์ ซีวิน นักเศรษฐศาสตร์และศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก ผู้ศึกษาผลกระทบของความร้อนต่อแรงงาน กล่าวว่า อุณหภูมิที่ร้อนในช่วงนี้ อาจส่งผลกระทบไปถึง GDP ได้
กราฟฟ์ ซีวิน กล่าวว่า ความร้อนที่เผชิญในตอนนี้ นำไปสู่การลดชั่วโมงการทำงานและท้ายที่สุดคือผลลัพธ์การทำงานที่น้อยลง “นี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ ที่เราอาจเห็นการลดลงเล็กน้อยของ GDP รายไตรมาส หากไม่ใช่รายปี … ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะจินตนาการว่า GDP ของไตรมาสนี้อาจจะดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย”
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP
ทั่วโลกเผชิญอากาศร้อนสุดขั้ว ผลจากคลื่นความร้อน-ปรากฏการณ์เอลนี
ผลกระทบโลกร้อน! คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมยุโรป-เอเชีย
โลกร้อนเดือด บางจุดใกล้แตะ 50 องศาเซลเซียส